อาการโรคไตเรื้อรัง

เมื่อการทำงานของไตลดลง จะเกิดการสะสมของสารพิษและของเสียในเลือด ซึ่งอาจทำให้ร่างกายเกิดความเหนื่อยล้า และความเสียหายของไตยังนำไปสู่การขาดแคลนเซลล์เม็ดเลือดแดงที่เป็นตัวนำส่งออกซิเจน และนำไปสู่ภาวะโลหิตจาง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายรู้สึกเหนื่อยและอ่อนแอ 

หากมีของเหลวคั่งในร่างกายเนื่องจากการทำงานของไตบกพร่อง อาจมีของเหลวสะสมในปอด และทำให้ผู้ป่วยหายใจลำบาก ภาวะโลหิตจางซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคไตเรื้อรังที่ทำให้ร่างกายมีการหายใจถี่

อาการเหล่านี้อาจเกิดจากสาเหตุหลายประการรวมถึงภาวะโลหิตจาง และการสะสมของสารพิษ เนื่องจากการทำงานของไตที่ลดลง ภาวะโลหิตจางอาจมีเหตุมาจากจากความเสียหายของไต ดังนั้น ปัญหาทางความคิด เช่น การใช้เหตุผล ความจำ และสมาธิ อาจเกี่ยวข้องกับโรคไตเรื้อรัง

การเสียหายของไตก่อให้เกิดการสะสมของสารพิษและของเหลวไว้ในร่างกาย และอาจส่งผลต่อการทำงานปกติของอวัยวะอื่นๆ รวมทั้งระบบประสาท และการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในระบบประสาทอาจส่งผลต่อการนอนหลับ อาการหายใจไม่อิ่มในตอนกลางคืนเมื่อนอนราบ อาจเป็นผลมาจากการสะสมของของเหลวในปอด

หน้าที่หลักของไตคือการขับสารพิษและของเสียออกจากเลือด และรักษาสมดุลของของเหลวในร่างกาย ของเหลวส่วนเกินและสารพิษที่ถูกขับออกมากับปัสสาวะผ่านกระเพาะปัสสาวะ ความผิดปกติของไตอาจส่งผลต่อความถี่ในการปัสสาวะ

เมื่อไตวาย ความเข้มข้นของสารพิษที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งเลือด สามารถทำให้ปัสสาวะมีสีเข้มได้ การทำงานของไตบกพร่องยังอาจทำให้เกิดภาวะโปรตีนรั่วออกมาในปัสสาวะ และทำให้ปัสสาวะเกิดฟอง

การทำงานของไตที่ลดลงนำไปสู่ความไม่สมดุลของแร่ธาตุในร่างกายของคุณพร้อมกับการสะสมของสารพิษ การเพิ่มขึ้นของแคลเซียม ฟอสฟอรัส และแร่ธาตุอื่นๆในร่างกาย อาจนำไปสู่ปัญหาเกี่ยวกับผิวหนังและเล็บได้

การทำงานของไตที่ลดลงอาจนำไปสู่การสะสมของเหลวในร่างกายเนื่องจากการคั่งของโซเดียม การรั่วไหลของโปรตีนในปัสสาวะอาจทำให้ของเหลวเคลื่อนเข้าสู่เนื้อเยื่อส่งผลให้ตาหรือแขนขาบวม

การทำงานของไตบกพร่องนำไปสู่การสะสมของสารพิษในร่างกาย  เมื่อสารพิษที่ควรถูกขับออกทางปัสสาวะเกิดการสะสมในร่างกาย ภาวะนี้เรียกว่าภาวะยูรีเมีย และทำให้เกิดผลข้างเคียงอื่นๆ เช่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้

การสูญเสียการทำงานของไตอาจทำให้เกิดความไม่สมดุลของของเหลวและอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้กล้ามเนื้อเป็นตะคริวโดยเฉพาะที่ขา

เข้าพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการของคุณ อาการเหล่านี้อาจเกิดจากภาวะสุขภาพอื่น ๆ นอกเหนือจากไตวาย แพทย์จะสามารถวินิจฉัยสาเหตุของอาการของคุณได้อย่างถูกต้อง

การพัฒนาของอาการในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ทีมแพทย์คือบุคคลกลุ่มเดียวที่สามารถแนะนำคุณเกี่ยวกับการพัฒนาของโรคไตได้

โรคไตเรื้องรัง ระยะแรกจะไม่ค่อยมีอาการใดๆ ดังนั้น การวินิจฉัยมักจะทำผ่านการตรวจสุขภาพ: การตรวจปัสสาวะเพื่อวัดอัตราส่วนอัลบูมินต่อครีเอตินีน (ACR) หรืออัตราส่วนโปรตีนครีเอตินีน (PCR) และการตรวจเลือดเพื่อหาอัตราการกรองของไตโดยประมาณ (eGFR)

อัตราส่วนอัลบูมินต่อครีเอตินีน หรือ ACR เป็นการตรวจหาอัลบูมินในปัสสาวะ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงโรคไตเรื้อรังที่มีโรคเบาหวานร่วมด้วย

คำตอบคือ ใช่

อัตราส่วนโปรตีนครีเอตินีน หรือ PCR เป็นการทดสอบที่วัดระดับโปรตีนในปัสสาวะซึ่งเป็นสัญญาณทั่วไปที่แสดงถึงความเสียหายของไต

อัตราการกรองของไตโดยประมาณ (eGFR) เป็นตัวบ่งชี้การทำงานของไตและได้มาจากการตรวจเลือด หากค่า eGFR ต่ำกว่า 60 มิลลิลิตร/นาที บ่งชี้ถึงการเริ่มต้นของโรคไตเรื้อรัง หากค่า eGFR ที่น้อยกว่า 15 มิลลิลิตร/นาที บ่งชี้ถึงระยะที่ 5 ของโรคไตเรื้อรัง หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าโรคไตระยะสุดท้ายหรือไตวาย

การพยากรณ์โรคขึ้นอยู่กับระยะของโรคไตเรื้อรังที่ตรวจพบ และไม่ใช่โรคไตเรื้อรังทุกระยะจะนำไปสู่ภาวะไตวาย คนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคไตเรื้อรังสามารถจัดการกับอาการของตนเองได้ และด้วยความช่วยเหลือจากทีมแพทย์ จะช่วยชะลอการลุกลามของโรคไตเรื้อรังได้