โรคไตเรื้อรังระยะที่ 3 (CKD)

อาหารเป็นส่วนสำคัญในดูแลผู้ป่วยโรคไต เนื่องจากไตมีหน้าที่กรองสารพิษและของเหลวส่วนเกินออกจากร่างกาย ดังนั้นอาหารที่บริโภคจะส่งผลต่อการทำงานของไต เมื่อไตเกิดความเสื่อม จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนอาหารให้เหมาะสม

สำหรับโรคไตวายเรื้อรังระยะที่ 3 ความต้องการทางโภชนาการจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล การได้รับคำแนะนำจากนักกำหนดอาหารเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถช่วยสร้างแผนการรับประทานอาหารที่ตรงกับความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล

การออกกำลังกายเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง สำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังก็เช่นกัน การออกกำลังกายเป็นประจำยังช่วยจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น ความดันโลหิต และเบาหวาน เมื่อเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะที่ 3 คุณจะสามารถออกกำลังกายได้ตามปกติอย่างเช่นที่เคยก่อนได้รับการวินิจฉัย ถึงแม้ว่าผู้ป่วยเพิ่งเริ่มออกกำลังกายเป็นกิจวัตรก็เช่นกัน ทั้งนี้ผู้ป่วยควรปรึกษาเกี่ยวกับกิจวัตรการออกกำลังกายกับทีมแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำของทีมแพทย์

การตรวจสอบสุขภาพของผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญ แพทย์ประจำตัวผู้ป่วยจะเป็นผู้คอยติดตามสภาวะต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูงและเบาหวาน และผู้ป่วยจะพบแพทย์โรคไตเป็นระยะ ๆ เพื่อประเมินการพัฒนาของโรคไต

โรคไตเรื้อรังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถชะลอการลุกลามของโรคได้ด้วยการรักษา เช่น ยาในกลุ่ม ACE inhibitors, ARBS และ SGLT2 inhibitors บ่อยครั้งที่ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะที่ 3 ไม่มีการลุกลามของโรคเพิ่มขึ้น และไม่จำเป็นต้องรับการฟอกไต

การวินิจฉัยโรคไตเรื้อรังสามารถทำได้โดยการตรวจเลือดเพื่อหาระดับการทำงานของไต การทดสอบทั่วไปเพื่อวินิจฉัยระยะของโรคไตเรื้อรังคือการตรวจเลือด ซึ่งสามาถพิจารณาอัตราการกรองของไตโดยประมาณ (eGFR) ได้ โดยการทำงานของไต ในระยะที่ 3 ค่า eGFR อยู่ระหว่าง 30 ถึง 59 มิลลิลิตร/นาที

ในผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะที่ 3 ไตยังสามารถทำงานได้เอง แม้ว่าไตจะเสียหายก็ตาม ผู้ป่วยปฎิบัติตามคำแนะนำของทีมแพทย์เพื่อชะลอการลุกลามของโรคไตเรื้อรัง ซึ่งอาจช่วยให้ผู้ป่วยไม่ต้องรับการฟอกไต ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องดูแลการทำงานของไตของผู้ป่วยและติดตามย่างใกล้ชิด

แพทย์ประจำของผู้ป่วยสามารถรักษาได้ในระยะเริ่มต้น แต่เมื่อโรคไตมีการพัฒนาไป ผู้ป่วยควรพบแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านไตหรือที่เรียกว่าอายุรแพทย์โรคไต และสิ่งสำคัญผู้ป่วยควรเข้ารับการรักษาที่คลินิกผู้ป่วยนอกเป็นประจำเพื่อติดตามความก้าวหน้าของโรคไตวายเรื้อรังและเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ถูกต้อง

การแชร์การวินิจฉัยโรคไตเรื้อรังกับครอบครัวและเพื่อนฝูงอาจเป็นประโยชน์กับผู้ป่วยในการจัดการกับโรคไตเรื้อรัง และอาจชะลอการลุกลามของโรคได้ เนื่องจากผู้ป่วยจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตบางอย่าง และจะเป็นประโยชน์หากคนรอบข้างเข้าใจอาการของผู้ป่วย

ถึงแม้ว่าโรคไตเรื้อรังจะลุกลามจากระยะที่ 3 ไปสู่ระยะที่ 4 แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน ความก้าวหน้าของโรคไตขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ซึ่งขึ้นอยู่กับไตของผู้ป่วยมีการตอบสนองต่อการรักษาอย่างไร และการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างไรอย่างไร มีความเป็นไปได้ที่ผู้ป่วยจะอยู่ในระยะที่ 3 เป็นระยะเวลานาน

อาจเป็นเรื่องที่น่าหนักใจ เมื่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น โรคไตเรื้อรังเป็นครั้งแรก การพูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับความกังวล และคำถามที่ผู้ป่วยอาจต้องการถามคือ

•  eGFR ของฉันคืออะไร ซึ่งคำตอบที่ได้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าคุณอยู่ในโรคไตเรื้อรังระยะ 3a หรือ 3b
•  ฉันควรคาดหวังอะไรต่อไป
•  ยาอะไรที่อาจลดความเสียหายของไตและชะลอการลุกลามของโรคไตเรื้อรัง
•  ฉันต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตอะไรบ้างเพื่อชะลอการลุกลามของโรคไต
•  ฉันต้องการนักกำหนดอาหารหรือไม่ บ่อยครั้งที่แพทย์จะแนะนำให้รู้จักกับนักกำหนดอาหารไต ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยปฏิบัติตามแผนการรับประทานอาหารที่เป็นมิตรต่อไต
•  ค้นหาคำถามสำคัญที่ควรถามเมื่อพบแพทย์โรคไตหรือ  เพื่อประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษาโรคไต